วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ตับ.อย่าปล่อยให้เขาอักเสบ

ภาวะตับอักเสบเป็นภาวะที่เซลล์ตับถูกทำลาย ทำให้หน้าที่ของตับบกพร่องไป  ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อหรือการถูกทำลายโดยสารเคมี ซึ่งสาเหตุที่พบมากที่สุด คือ ตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบA,B,C,D,E โดยในไทยมักพบโรคไวรัสตับอักเสบ A,B,C 

สาเหตุโรคตับอักเสบ
1. การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือโปรโตซัว
2. ตับได้รับพิษจากแอลกอฮอล์ ยา หรือสารเคมีอื่นๆ เช่น บุหรี่ ยาฆ่าแมลง 

อาการ
มีไข้ อาจมีอาการปวดเมื่อยตามตัว ร่างกายอ่อนเพลีย ในบางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ตัวเหลือง ตาเหลือง ถ้ามีอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์ทันที

ไวรัสตับอักเสบที่พบบ่อยในประเทศไทย
1. ไวรัสตับอักเสบ A
มักพบมากในแด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ผู้ป่วยจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสในระยะยาวและเมื่อหายจากโรค จะไม่เป็นพาหะเรื้อรัง สามารถติดต่อกันได้ทางการรับประทานอาหารที่มีเชื้อเข้าไป ปัจจุบันนี้มีการให้วัคซีนตับอักเสบ A ตั้งแต่ในเด็กแรกเกิด
2. ไวรัสตับอักเสบ B
ผู้ที่ติดเชื้อมักไม่ค่อยแสดงอาการ โดยเฉพาะในเด็ก ส่วนใหญ่มักหายได้เอง มีเพียงส่วนน้อยที่จะเป็นพาหะของโรค ปัจจุบันนี้มีการให้วัคซีนตับอักเสบ B ตั้งแต่ในเด็กแรกเกิด
3. ไวรัสตับอักเสบ C
ผู้ที่ติดเชื้อมักไม่ค่อยแสดงอาการ จึงทำให้โรคดำเนินไปถึงภาวะเรื้อรัง นำไปสู่ภาวะตับแข็ง ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ C

*** ไวรัสตับอักเสบ B และ C สามารถติดต่อได้ทางเลือดและสารคัดหลั่งต่างๆ จึงอาจแพร่เชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ทางมารดาสู่รก ทางการได้รับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือด ทางการใช้ของมีคมร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ เช่น การสัก การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การเจาะหู
 อย่างไรก็ตาม โรคไวรัสตับอักเสบ B และ C เรื้อรัง โรคตับอักเสบจากไขมัน การดื่มสุราหรือการสะสมพิษจากยา สารเคมีต่างๆเป็นเวลานาน ก่อให้เกิด โรคตับแข็ง ได้ เนื่องจากเนื้อตับที่อักเสบมานานเกิดเนื้อตายขึ้นมา ทำให้เกิดแผลเป็น มีเนื้อเยื่อพังผืดแทรกในตับ เป็นผลให้เลือดที่ไหลผ่านตับไหลไม่สะดวก การทำงานของตับลดลง  หากเป็นโรคตับแข็งเป็นระยะเวลานาน ผู้ป่วยจะมีโอกาสในการเกิดมะเร็งตับได้สูง รวมทั้งจะมีอาการทรุดลงเร็ว

การป้องกัน
  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุกแล้ว และดื่มน้ำที่สะอาด ประทานอาหารด้วยการใช้ช้อนกลางและไม่ดื่มน้ำร่วมแก้วกับผู้อื่น
  • ฉีดวัคซีนหรือรับภูมิคุ้มกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอและบีตั้งแต่ยังเด็ก และฉีดกระตุ้นซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ หรือฉีดในผู้ใหญ่บางรายที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน 
  • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ และหยุดสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันและการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน เพราะไวรัสตับอักเสบทุกชนิดสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางเลือดและสารคัดหลั่งอื่นๆ
  • รับประทานอาหารเสริมที่สามารถเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ตับและขับสารพิษออกจากร่างกายเราได้อย่างปลอดภัย ได้แก่ อาร์ทิโช๊ก แดนดิไลออน สาหร่ายสไปรูลิน่า และสารสกัดจากผลทับทิม
http://www.youtube.com/watch?v=7V6yKja8hkU

 อาร์ทิโช๊ก แดนดิไลออน
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาร์ทิโชกสกัด ผสมแดนดิไลออนสกัด ชนิดแคปซูล 
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 3 เวลา พร้อมอาหาร
รหัสสินค้า:41023
ราคา:920 บาท






ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสาหร่ายสไปรูลิน่า
วิธีรับประทาน รับประทานวันละ 3-6 แคปซูล หลังอาหาร
ขนาด 50 แคปซูล
รหัสสินค้า:41002
ราคา:240 บาท




น้ำทับทิม 100% จากน้ำทับทิมเข้มข้น 
วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ (15-30 ซีซี ต่อวัน) เวลาใดก็ได้
ฆอ. 1871/2553
ขนาด 700 มล.
รหัสสินค้า:37319
ราคา:600 บาท





น้ำทับทิม 100% จากน้ำทับทิมเข้มข้น (ตรากิฟฟารีน) ผลิตจากน้ำทับทิมเข้มข้น
วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ (15-30 ซีซี ต่อวัน) เวลาใดก็ได้
ฆอ. 1871/2553
ขนาด 200 มล.
รหัสสินค้า:90129
ราคา:69 บาท




อาหารสุขภาพที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ

อาหารสุขภาพที่มีงานวิจัยรองรับว่า มีคุณประโยชน์ต่อหัวใจมีหลายชนิด อาทิเช่น

ลูทีน และซีแซนทีน
ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)  เป็นสารอย่างหนึ่งในพืช พบได้ในผักและผลไม้ เช่น แครอท
ข้าวโพด  มีงานวิจัยทางระบาดวิทยา จำนวนมาก ในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกและจอตาเสื่อม  และมีงานวิจัยระบาดวิทยา ในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และ อัมพาตอัมพฤกษ์ ด้วยเช่นกัน ด้วยกลไกที่น่าจะเกิดจากการลดการเกิดตะกอนในเส้นเลือด 

สารสกัดจากชาเขียว (อีจีซีจี)
อีจีซีจี (EGCG) เป็นสารคาเทชิน (Catechins) ชนิดสำคัญที่สกัดได้จากชาเขียว มีหลายงานวิจัยที่ชี้บ่งว่า ช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ดังนี้
: ลดอุบัติการณ์ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด
: ยับยั้งการสันดาป Oxidation ของโคเลสเตอรอล ทำให้ลดการเกิดการสะสมสร้างตะกอน  ในเส้นเลือดจากโคเลสเตอรอล ส่งผลทำให้ลดการเกิดเส้นเลือดแข็งตัวตีบตัน และลดอุบัติการณ์ของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ 

ทับทิม
ทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด มีหลายงานวิจัยทางการแพทย์ที่แสดงถึงว่า ทับทิมมีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ดังนี้
: มีงานวิจัยว่า การดื่มน้ำทับทิมสามารถลดการเกิดตะกอนของผนังเส้นเลือดแดงลงได้ ถึง 30% ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด
: ทำให้เส้นเลือดที่หนาตัว และมีไขมันสะสม มีความหนาตัวลดลง และช่วยลดไขมันสะสมลง

โคเอนไซม์คิวเทน ( Coenzyme Q10 ) 
สรุปคุณสมบัติของ โคเอนไซม์ คิวเทน
- ลดความเสี่ยงในคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด หรือภาวะหัวใจล้มเหลวจากเลือดคั่ง ทั้งนี้มีงานวิจัยสนับสนุนว่า การรับประทาน โคเอนไซม์คิวเทน 120 มิลลิกรัมต่อวัน ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดจะช่วยลดอัตราการเป็นซ้ำและลดอัตรา การเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ และในปริมาณสูง ยังมีประโยชน์ในการผ่าตัดหัวใจ โดยทำให้หัวใจทนทานต่อการขาดเลือดและฟื้นตัวได้ดีขึ้น 
-  มีบทบาทสำคัญในการทำลายสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆในร่างกาย จึงช่วยป้องกันเรื่องหลอดเลือดหัวใจอันเกิดจากการที่ แอลดีแอลโคเลสเตอรอล ( LDL Cholesterol )  ถูก ออกซิไดซ์   ( Oxidized ) ด้วยอนุมูลอิสระ  และสะสมในผนังหลอดเลือด ก่อให้เกิดการอักเสบและผนังหลอดเลือดหนาตัวขึ้นกลายเป็น พล๊าค ( Plaque )  หรือตะกอนในผนังเส้นเลือด  เกาะที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลทำให้หลอดเลือดแข็ง ไม่ยืดหยุ่นและตีบตัน นำมาซึ่งปัญหาเรื่องโรคหัวใจได้ 
- ช่วยลดระยะเวลาที่ปวดต่อครั้ง รวมถึงลดความถี่ในการปวดหัว ไมเกรน



แอลซีวิต พลัสเอ
อีจีซีจี
อีจีซีจี แมกซ์


น้ำทับทิบกรานาดา
 
โค-คิวเทน แมกซ์์

ไฟโตสเตอรอลกับโคเลสเตอรอล

ไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) เป็นสารสเตอรอลที่พบในพืช มีโครงสร้างทางเคมีที่คล้ายกับโคเลสเตอรอลมาก จึงช่วยยับยั้งการดูดซึมโคเลสเตอรอลในอาหารที่เรารับประทานเข้าไปไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือดด้วยกลไกการเข้าไปแทนที่โคเลสเตอรอล ทำให้โคเลสเตอรอลจากอาหารถูกดูดซึมน้อยลงและถูกขับออกมาพร้อมกับอุจจาระใน ที่สุด ดังนั้นการบริโภคไฟโตสเตอรอลจะช่วยทำให้ระดับโคเลสเตอรอลรวม และแอลดีแอล โคเลสเตอรอล (LDL Cholesterol)  หรือโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ลดลง โดยที่ไม่ไปกระทบกับ เอชดีแอล โคเลสเตอรอล  (HDL Cholesterol)  หรือโคเลสเตอรอลชนิดดี เป็นผลให้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจลดลง
โคเลสเตอรอ (Cholesterols) คือ สารประกอบไขมันชนิดหนึ่ง พบได้ในสัตว์ และมนุษย์ ร่างกายได้รับโคเลสเตอรอลจากการสังเคราะห์ของตับ และจากอาหารที่รับประทานเข้าไป โคเลสเตอรอลจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายโดยทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบของผนัง เซลล์ในร่างกาย และยังเป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนบางชนิดที่จำเป็นของร่างกาย และน้ำดี  โดยปกติแล้ว โมเลกุลของ โคเลสเตอรอล จะลอยในกระแสเลือดไม่ได้  เมื่อโคเลสเตอรอลเข้าไปอยู่ในกระแสเลือด จะต้องมีการจับตัวกับโปรตีน เรียกว่า ไลโปโปรตีน โดยเราสามารถแบ่ง โคเลสเตอรอลในเลือดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
 1.
แอลดีแอล โคเลสเตอรอล (LDL Cholesterol)
เปรียบเสมือน "ตัวผู้ร้าย" โดยแอลดีแอลที่มากเกิน จะเข้าไปแทรก และฝังตัวที่ผนังหลอดเลือด สะสมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน  และจะก่อให้เกิดเป็นพล๊าค (plaque) หรือตะกอน  ที่ผนังหลอดเลือดแดง  อันเป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน ยิ่งระดับ LDL โคเลสเตอรอลสูงมากเท่าไหร่ อัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
2.
เอชดีแอล โคเลสเตอรอล (HDL Cholesterol)
เปรียบเสมือน "ตำรวจ" คอยจับผู้ร้าย เพราะ เอชดีแอล โคเลสเตอรอล จะทำหน้าที่เป็นตัวพาโคเลสเตอรอล  จากหลอดเลือดแดง กลับไปทำลายที่ตับ การมีระดับ HDL โคเลสเตอรอลสูง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ 




สำหรับแนวทางในการควบคุมระดับโคเลสเตอรอล สามารถทำได้หลายวิธีคือ
 1. ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องใน อาหารทะเลบางชนิด อาหารประเภททอด น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง น้ำมันมะพร้าว กะทิ หันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ เช่น นมพร่องมันเนย และอาหารประเภทผักและผลไม้ต่างๆ หรือรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของไฟโตสเตอรอลพร้อมกับมื้ออาหาร
     2.
ออกกำลังกายควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร วิธีนี้จะช่วยเพิ่มระดับ HDL โคเลสเตอรอล และลดระดับ LDL โคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ควรออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 ครั้ง และทำอย่างต่อเนื่องในแต่ละครั้งตามระดับความสามารถของร่างกายตัวเอง
    3.
ใช้ยาช่วยลดระดับไขมันในเลือด วิธีนี้ต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย

ที่มาของข้อมูล : http://www.giffarinethailand.com/th/interesting.php?page=4

ไฟโตสเตอรอล แคปซูล

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไฟโตสเตอรอล ชนิดแคปซูล 
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร
ขนาด 60 แคปซูล
รหัสสินค้า:40115
ราคา:980 บาท








เรื่องน่ารู้ของวิตามินและเกลือแร่

สรุปคุณสมบัติของ วิตามิน
เป็นสารที่ร่างกายต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยต่อวัน แต่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ตั้งแต่การหายใจของเซลล์ การสร้างเนื้อเยื่อ การผลิตพลังงานสำหรับดำรงชีวิต จำเป็นสำหรับการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่นการสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของระบบประสาท การมองเห็น การสร้างกระดูก  จึงป็นสารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายและร่างกายขาดไม่ได้
•  Vitamin A  วิตามินเอ ช่วยการมองเห็นในที่มืด ทำให้การเจริญและการพัฒนาของเซลล์บุผิวเป็นปกติ มีบทบาทในการเจริญเติบโตของกระดูก ฟัน ทารกในครรภ์ ถ้าขาดจะเกิดอาการเกี่ยวกับตา (เยื่อตาแห้ง เหี่ยวย่น กลัวแสงสว่าง) อาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ (เยื่อบุทางเดินหายใจลอกหลุดง่าย ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย) และอาการเกี่ยวกับผิวหนัง (ทำให้ผิวหนังแห้ง หยาบกร้านเป็นเกล็ด)
•  Vitamin D  วิตามินดี ช่วยในเรื่องการดูดซึมแคลเซียถ้าขาด จะทำให้การดูดซึมแคลเซียม ลดลง ทำให้ต้องดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ ส่งผลทำให้ กระดูกอ่อน และจะมีอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ปวดข้อ โลหิตจาง อ่อนเพลีย กล้ามเนื้อไม่มีแรง
 Vitamin E  วิตามินอี เป็น antioxidant ช่วยป้องกันการแตกสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่แตกง่าย , มีความจำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเซลล์ประสาท ถ้าขาด เม็ดเลือดแดงจะมีชีวิตสั้น รวมถึงมีผลต่อการเจริญของกล้ามเนื้อด้วย
Vitamin K  วิตามิน เค ช่วยเสริมสร้างการทำงานของตับในการสร้างสารที่จำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือดหลายชนิด ถ้าขาดจะทำให้เลือดแข็งตัวช้า
 Vitamin B1  วิตามินบี 1 มีความจำเป็นต่อระบบเผาผลาญอาหารและระบบประสาทของร่างกาย ถ้าขาดจะเป็นโรคเหน็บชา อาการสำคัญจะเกี่ยวข้องกับระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยทางระบบประสาทจะมีอาการชาตามมือตามเท้า ตากระตุก แขนขาอ่อนแรง ส่วนอาการทางสมองพบว่า เนื้อสมองจะถูกทำลาย ผู้ป่วยจะมีอาการความจำเสื่อม สำหรับทางระบบหัวใจและหลอดเลือดพบว่า หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น หัวใจมีขนาดโตขึ้น
 Vitamin B2  วิตามินบี 2 มีความจำเป็นต่อการหายใจของเซลล์ และการรักษาสภาพของเยื่อบุผิว ถ้าขาด ในช่วงเริ่มแรกริมฝีปากจะอักเสบ แห้งและแตก มุมปากจะซีดแตก (โรคปากนกกระจอก) และเมื่อเป็นมากขึ้นจะมีอาการทางผิวหนัง ใบหน้ามีสะเก็ดมันๆ ต่อมาจะมีอาการอักเสบของตา ตาสู้แสงไม่ได้ คันตา และแสบลูกตา
Vitamin B3 หรือ ไนอะซิน  มีส่วนช่วยในการผลิตกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ถ้าขาดจะมีผลต่อระบบประสาทส่วนปลาย เช่นปลายประสาทอักเสบ ไขสันหลังและสมอง ซึ่งอาจมีอาการคลุ้มคลั่งและชัก หมดสติ นอกจากนี้ยังมีผลต่อระบบผิวหนังคือ ผิวหนังมีลักษณะหยาบ เป็นจ้ำ สีม่วงหรือสีเข้ม รวมถึงมีผลต่อระบบทางเดินอาหารคือ ลำไส้เล็กอักเสบ ท้องเดิน
 Vitamin B5  หรือ กรดแพนโทธินิค มีความเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาชีวเคมีในร่างกายหลายอย่าง เช่น การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต, การสังเคราะห์กรดไขมัน ถ้าขาด อาจจะมีอาการปวดท้อง อาเจียน และ เป็นตะคริว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ 
•  Vitamin B6 หรือ ไพริดอกซิน มีความสำคัญต่อปฏิกิริยาทั้งหมดในกระบวนการที่เกี่ยวกับปฏิกิริยาทางชีวเคมี  ของกรดอะมิโน (สร้างและสลายโปรตีน ) มีบทบาทในการสร้างเม็ดเลือดแดง ถ้าขาดจะมีอาการ อ่อนเพลีย ชาตามปลายมือปลายเท้า โลหิตจาง รวมถึงมีอาการทางประสาท เช่น สับสน ซึมเศร้า และชัก
Vitamin B9 หรือ กรดโฟลิก มีบทบาทในการสังเคราะห์ DNA & RNA รวมถึงการสังเคราะห์กรดอะมิโนบางตัว และทำงานร่วมกับ B12 ในการสร้างเม็ดเลือด ถ้าขาดจะเกิดอาการปากเปื่อย ลิ้นแดงอักเสบ ท้องเดิน น้ำหนักตัวลด เป็นโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงโตกว่าปกติ ผมหงอกเร็ว เฉื่อยชา เกียจคร้าน ขี้ลืม แก่เร็ว
Vitamin B12 มีความจำเป็นต่อกระบวนการที่เกี่ยวกับปฏิกิริยาทางชีวเคมีของคาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, โปรตีน มีบทบาทในการเจริญและแบ่งตัวของเซลล์ รวมทั้งการสังเคราะห์ สารหุ้มเส้นประสาท ด้วย  มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์ผิว โดยเฉพาะเยื่อบุทางเดินอาหาร ถ้าขาดจะมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร , โลหิตจาง , ชาตามมือและเท้า ถ้าขาดมากจะมีอาการสับสน และประสาทหลอนได้
Vitamin H หรือ ไบโอติน ถ้าขาดจะเป็นโรคผิวหนัง ผิวหนังมีสีเทา อ่อนเพลีย โลหิตจาง โคเลสเตอรอลในเลือดสูงกว่าปกติ
Vitamin C วิตามินซี มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างคอลลาเจน เป็น antioxidant ช่วยเพิ่มการดูดซึมของเหล็ก ถ้าขาดจะมีเลือดออกตามไรฟัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหงือกบวม ฟันหลุดง่าย

สรุปคุณสมบัติของ เกลือแร่ 
คือสารอนินทรีย์ ทำหน้าที่เกี่ยวกับชีวิตในร่างกายมนุษย์ เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับระบบการหายใจ และระบบเอนไซม์ ช่วยควบคุมการซึมผ่านผนังเยื่อเซลล์และหลอดเลือดฝอยต่างๆ
 Calcium แคลเซียม มีบทบาทในการสร้างกระดูกและฟัน มีความสำคัญในการควบคุมการเต้นของหัวใจ การส่งสัญญาณประสาท ช่วยในระบบเอนไซม์หลายชนิด ถ้าขาดจะเป็นโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ การเจริญเติบโตช้า กระดูกอ่อน ฟันผุ
Iron เหล็ก รวมกับโปรตีนและทองแดงเพื่อสร้างฮีโมโกลบินซึ่งเป็นส่วนประกอบของเลือด จำเป็นสำหรับเอนไซม์ช่วยในการเผาผลาญโปรตีน ถ้าขาดจะเป็นโรคโลหิตจางเนื่องจากจำนวนฮีโมโกลบินลดน้อยลงในเม็ดเลือดแดง ผิวหนังซีด เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดหัว ความต้านทานต่อการติดเชื้อลดลง
•  Iodine ไอโอดีน จำเป็นสำหรับสุขภาพและการทำหน้าที่ของต่อมไธรอยด์ สำหรับผลิตฮอร์โมนที่ชื่อ ไธรอกซินและไตรไอโอโดไธโรนิน ซึ่งจะช่วยควบคุมการเผาผลาญ การผลิตพลังงาน และอัตราการเจริญเติบโต รวมถึงยังช่วยในการรักษาผิวหนัง เล็บและผม ให้มีสุขภาพดี ถ้าขาดจะเซื่องซึม เหนื่อยง่าย ความดันต่ำ ผิวหนังและผมแห้ง เป็นโรคคอพอก โคเลสเตอรอลสูง เป็นโรคหัวใจ ไม่สนใจทางเพศ
Zinc สังกะสี  ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิดซึ่งสำคัญในการย่อยอาหารและการเผาผลาญ จำเป็นสำหรับการหายใจของเนื้อเยื่อ จำเป็นต่อการเจริญเติบโต ถ้าขาดจะทำให้การเจริญเติบโตช้า แผลหายช้า เป็นโรคผิวหนัง มีจุดขาวที่เล็บ เบื่ออาหาร ผมร่วง มีรังแค การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ผนังหลอดเลือดแข็ง
Copper ทองแดง จำเป็นเพื่อให้เหล็กถูกดูดซึม และจำเป็นสำหรับการเผาผลาญโปรตีน ร่วมกับวิตามินซีในการสร้างอีลาสติน สำคัญในระบบโครงสร้าง เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ถ้าขาดจะมีอาการโลหิตจางเนื่องจากการดูดซึมเหล็กไม่ดี ผมร่วง ผมหงอก มีแผลที่ผิวหนัง
Manganese แมงกานีส มีความสำคัญในระบบเอนไซม์ต่างๆซึ่งจำเป็นสำหรับการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ช่วยมนการขนส่งสัญญาณระหว่างสมอง ประสาท และกล้ามเนื้อ จำเป็นสำหรับระยะให้นมลูกและการสร้างเสริมระบบโครงสร้างของร่างกาย ถ้าขาด การเจริญเติบโตจะช้า กล้ามเนื้อไม่มีแรง การทรงตัวไม่ดี การสร้างกระดูกและกระดูกอ่อนผิดปกติ
Selenium ซีลีเนียม เป็น antioxidant ทำงานใกล้ชิดกับวิตามินอี เพื่อรักษาเนื้อเยื่อต่างๆให้มีความยืดหยุ่นและช่วยให้หัวใจทำหน้าที่ได้ดีขึ้น สำคัญในการช่วยไม่ให้เป็นหมัน โดยช่วยให้เชื้ออสุจิมีความแข็งแรง ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อการเป็นโรค ถ้าขาดจะทำให้แก่ก่อนวัย กล้ามเนื้อฝ่อ เป็นโรคหัวใจ และอาจเป็นหมัน มะเร็งในระบบย่อยอาหาร
Molybdenum โมลิบดีนั เป็นส่วนประกอบในเอนไซม์หลายชนิด เป็นส่วนที่จำเป็นสำหรับเอนไซม์แซนธีน ออกซิเดส ซึ่งสำคัญในการเคลื่อนย้ายเหล็กออกจากตับ และจำเป็นสำหรับเอนไซม์อัลดีไฮด์ ออกซิเดส ซึ่งสำคัญในกระบวนการออกซิเดชั่น
Chromium โครเมีย เป็นแร่ธาตุจำเป็นช่วยในการควบคุมการเผาผลาญของกลูโคสตามปกติ สำคัญในการสังเคราะห์กรดไขมันและโปรตีน






































วิตามิน หนึ่งเดียวในโลกที่ปรับสูตรให้เหมาะสมกับความต้องการของคนไทย มีแร่ธาตุที่จำเป็นจำนวนมาก เหมาะสมต่อคนไทย ไม่มีแร่ธาตุที่เป็นอันตราย แม้แต่น้อยมี สารต้านอนุมูลอิสระ ไลโคปีน จากมะเขือเทศ สารสำคัญจากมะเขือเทศ  ช่วยลดความผิดปกติและความเสื่อมของเซลล์  มีงานวิจัย ช่วย ลดมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย  และลดการเติบโตของโรค ต่อมลูกหมากโต  และ ลดความเสี่ยงของ โรคหัวใจ ยับยั้งการเจริญของ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และ มะเร็งเม็ดเลือดแดง










วิตามิน หนึ่งเดียวในโลกที่ปรับสูตรให้เหมาะสมกับความต้องการของคนไทย มีแร่ธาตุที่จำเป็นจำนวนมาก เหมาะสมต่อคนไทย ไม่มีแร่ธาตุที่เป็นอันตราย แม้แต่น้อย จมูกถั่วเหลืองให้สาร   ไอโซฟลาโวน
งานวิจัยของ ไอโฟลาโวน และถั่วเหลือง พบว่า ช่วยลดภาวะกระดูกบาง  และเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และ ลด อุบัติการเกิด โรคมะเร็งเต้านม